CHESฉะทปอ.ไม่จริงใจปฎิรูปการศึกษา...
รองเลขาธิการ CHES ฉะทปอ.ไม่จริงใจปฎิรูปการศึกษา ยื้อเปิดผลวิจัยผลกระทบเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน อ้างเด็กต่างชาติ-อาเซียนมาเรียนไทย ฝากไปถามเด็กต่างชาติอยากเรียนในไทยแค่ไหน แนะศึกษาข้อมูลใหม่...
วันนี้( 29 มิ.ย.) ผศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค รองเลขาธิการศูนย์ประสานงานสถาบันอุดมศึกษาของรัฐหรือCHESกล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)ไม่เปิดเผยผลการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบในการจัดการศึกษาแบบอาเซียน ทั้งที่ดำเนินการนานมากแล้วว่า การทำเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทปอ.ไม่มีความจริงใจต่อการแก้ปัญหาในการปฎิรูปการศึกษา และยังจะยื้อเวลาในการแก้ปัญหาออกไปอีก ส่วนที่มีการอ้างว่าการเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียนจะมีข้อดีที่จะได้รับนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียนมาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาไทย เนื่องจากแนวโน้มของนิสิตนักศึกษาไทยกำลังจะลดลงเรื่อย ๆทางCHES อยากให้ทปอ.กลับไปดูข้อมูลจริง ๆว่า จำนวนนักศึกษาต่างชาติหรือในอาเซียนที่เข้ามาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาไทยนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งจำนวนก็ไม่ได้มากอย่างคิด เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีการศึกษา 2559 มีนิสิตทั้งหมด จำนวน 35,619 คน เป็นนิสิตต่างชาติ เพียง 169 คน คิดเป็นร้อยละ 0.47 ของจำนวนนิสิตนักศึกษาทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมาก
รองเลขาธิการ CHES กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ควรจะทำการปฎิรูปการศึกษา คือ การเน้นคุณภาพทางการศึกษา โดยมุ่งแก้ปัญหาเชิงระบบตลอดห่วงโซ่ทางการศึกษา โดยเฉพาะระบบการผลิตครูที่เป็นฐานของการพัฒนาการศึกษาไทย ซึ่งต้องอาศัยการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในโรงเรียนทุกระดับและต้องเปิด-ปิดภาคเรียนตามแบบเดิม แต่พอมาเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียนทำให้เกิดปัญหาในการเรียนการสอนของนิสิต นักศึกษา ครูทั้งประเทศ รวมถึงระบบการจัดการเรียนการสอนทางด้านการเกษตร ซึ่งต้องอาศัยน้ำในการทำแปลงเพาะปลูก แต่ในช่วงที่จัดการเรียนการสอนเป็นช่วงที่ขาดแคลนน้ำ
“จากเหตุผลต่าง ๆที่คนอุดมศึกษาพยายามบอกทปอ.มาตลอดว่า การเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียนนั้นมีผลเสียมากกว่าผลดี แต่ทปอ.ก็ไม่สนใจ หรือคงไม่รู้ระบบการศึกษาไทยจริง ๆ และอยากให้ ทปอ.ศึกษาความต้องการของผู้เรียนต่างชาติว่า อยากจะมาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาของไทยจริงหรือไม่ รวมถึงวิเคราะห์ว่ามหาวิทยาลัยในอาเซียนเปิด-ปิดอย่างไรอีกครั้ง” รองเลขาธิการ CHES กล่าว... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/education/582540
วันนี้( 29 มิ.ย.) ผศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค รองเลขาธิการศูนย์ประสานงานสถาบันอุดมศึกษาของรัฐหรือCHESกล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)ไม่เปิดเผยผลการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบในการจัดการศึกษาแบบอาเซียน ทั้งที่ดำเนินการนานมากแล้วว่า การทำเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทปอ.ไม่มีความจริงใจต่อการแก้ปัญหาในการปฎิรูปการศึกษา และยังจะยื้อเวลาในการแก้ปัญหาออกไปอีก ส่วนที่มีการอ้างว่าการเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียนจะมีข้อดีที่จะได้รับนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียนมาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาไทย เนื่องจากแนวโน้มของนิสิตนักศึกษาไทยกำลังจะลดลงเรื่อย ๆทางCHES อยากให้ทปอ.กลับไปดูข้อมูลจริง ๆว่า จำนวนนักศึกษาต่างชาติหรือในอาเซียนที่เข้ามาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาไทยนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งจำนวนก็ไม่ได้มากอย่างคิด เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีการศึกษา 2559 มีนิสิตทั้งหมด จำนวน 35,619 คน เป็นนิสิตต่างชาติ เพียง 169 คน คิดเป็นร้อยละ 0.47 ของจำนวนนิสิตนักศึกษาทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมาก
รองเลขาธิการ CHES กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ควรจะทำการปฎิรูปการศึกษา คือ การเน้นคุณภาพทางการศึกษา โดยมุ่งแก้ปัญหาเชิงระบบตลอดห่วงโซ่ทางการศึกษา โดยเฉพาะระบบการผลิตครูที่เป็นฐานของการพัฒนาการศึกษาไทย ซึ่งต้องอาศัยการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในโรงเรียนทุกระดับและต้องเปิด-ปิดภาคเรียนตามแบบเดิม แต่พอมาเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียนทำให้เกิดปัญหาในการเรียนการสอนของนิสิต นักศึกษา ครูทั้งประเทศ รวมถึงระบบการจัดการเรียนการสอนทางด้านการเกษตร ซึ่งต้องอาศัยน้ำในการทำแปลงเพาะปลูก แต่ในช่วงที่จัดการเรียนการสอนเป็นช่วงที่ขาดแคลนน้ำ
“จากเหตุผลต่าง ๆที่คนอุดมศึกษาพยายามบอกทปอ.มาตลอดว่า การเปิดปิดภาคเรียนตามอาเซียนนั้นมีผลเสียมากกว่าผลดี แต่ทปอ.ก็ไม่สนใจ หรือคงไม่รู้ระบบการศึกษาไทยจริง ๆ และอยากให้ ทปอ.ศึกษาความต้องการของผู้เรียนต่างชาติว่า อยากจะมาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาของไทยจริงหรือไม่ รวมถึงวิเคราะห์ว่ามหาวิทยาลัยในอาเซียนเปิด-ปิดอย่างไรอีกครั้ง” รองเลขาธิการ CHES กล่าว... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/education/582540